Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

แหล่งน้ำ

Posted By Plookpedia | 26 ส.ค. 60
1,357 Views

  Favorite

แหล่งน้ำ


น้ำฝนเป็นต้นกำเนิดของน้ำที่ปรากฏบนผิวโลกเมื่อฝนตกลงมาบนพื้นดินจะมีน้ำบางส่วนขังอยู่บนผิวดินและบางส่วนซึมลงไปสะสมอยู่ในดินทำให้เกิดเป็นแหล่งน้ำตามธรรมชาติในดินที่อำนวยประโยชน์ให้กับพืชได้โดยตรงเมื่อมีฝนตกมากน้ำไม่สามารถจะขังอยู่ได้บนผิวดินและซึมลงไปในดินได้ทั้งหมดก็จะเกิดเป็นน้ำไหลนองไปบนผิวดินจากนั้นจะไหลลงสู่ที่ลุ่ม ที่ต่ำ ลำน้ำ ลำธาร แม่น้ำ แล้วจึงไหลลงสู่ทะเลและมหาสมุทรต่อไป

น้ำในดินและน้ำที่ขังอยู่บนผิวดินที่ได้มาจากฝนโดยตรงนั้นจะมีอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอได้ก็ต้องอาศัยจากฝนที่ตกลงมาอย่างสม่ำเสมอด้วยเช่นกันหากฝนไม่ตกก็จำเป็นต้องมีน้ำจากแหล่งน้ำอื่นมาเพิ่มเติมให้โดยธรรมชาติหรือโดยวิธีการชลประทานพืชจึงจะมีน้ำใช้อย่างเพียงพอกับความต้องการ

แหล่งน้ำที่จะนำมาใช้ประโยชน์ในการชลประทานได้แก่แหล่งน้ำบนผิวดินและแหล่งน้ำใต้ผิวดิน

 

แม่น้ำลำธาร ห้วย หนอง คลองและบึง ฯลฯ เป็นแหล่งน้ำบนผิวดินเป็นแหล่งรวบรวมน้ำตามธรรมชาติซึ่งส่วนใหญ่จะได้จากน้ำที่ไหลมาบนผิวดินและบางส่วนซึมออกมาจากดินเป็นแหล่งน้ำขนาดเล็กและขนาดใหญ่ที่จะอำนวยให้ทำการชลประทานขนาดต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีปริมาณน้ำที่จะมีในแหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น แม่น้ำ ลำธารนั้นย่อมแตกต่างกันไปตามฤดูกาลทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่ามีฝนตกในเขตของลุ่มน้ำนั้นหรือไม่หรือว่าตกจำนวนมากน้อยเพียงไรบางวันอาจมีน้ำไหลมาในลำน้ำมากเพราะเกิดฝนตกหนักและอาจมีระดับสูงไหลล้นเข้าไปท่วมเป็นประโยชน์ต่อพื้นที่เพาะปลูกได้เองตามธรรมชาติส่วนในระยะฤดูแล้งไม่มีฝนตกเลยน้ำในแหล่งน้ำประเภทบ่อหนองและบึงซึ่งได้เก็บน้ำในช่วงฤดูฝนไว้นั้นอาจมีน้ำให้ใช้พอบรรเทาความเดือดร้อนได้บ้างแต่น้ำในแม่น้ำ ลำธารและห้วยบางแห่งอาจมีน้ำไหลลดน้อยลงไปหรือไม่มีเลยก็ได้

แหล่งน้ำบนผิวดิน

 

 

การจัดทำโครงการชลประทานได้นั้นจำเป็นต้องมีแหล่งน้ำเพื่อให้เป็นต้นน้ำของโครงการชลประทานถ้าพื้นที่เพาะปลูกไม่มีแหล่งน้ำใด ๆ ให้นำมาใช้ได้ก็ไม่สามารถทำการชลประทานช่วยเหลือได้หรือแหล่งน้ำมีปริมาณน้อยก็ย่อมช่วยเหลือพื้นที่ได้น้อยด้วยเช่นกัน

การจัดทำโครงการชลประทานจำเป็นต้องมีแหล่งน้ำ

 

 

ในการวางโครงการชลประทานโดยใช้น้ำจากแม่น้ำ ลำธาร ห้วย หนอง คลองและบึง ฯลฯ นั้น จำเป็นต้องรวบรวมสถิติและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับน้ำของแหล่งน้ำนั้น ๆ ให้ละเอียดถี่ถ้วนเสียก่อนเพื่อประกอบการพิจารณาและการตัดสินใจในการวางรูปงานได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม เช่น จำเป็นต้องยกน้ำจากแหล่งน้ำนั้นหรือไม่หรือจะต้องยกน้ำให้มีระดับสูงด้วยวิธีใดจึงจะเหมาะสมจำเป็นต้องสร้างอ่างเก็บน้ำเพื่อทำให้เป็นแหล่งน้ำที่ถาวรด้วยหรือไม่ตลอดจนการกำหนดขนาดของพื้นที่เพาะปลูกที่จะรับน้ำชลประทานให้พอเหมาะกับจำนวนน้ำของแหล่งน้ำที่มีอยู่ทั้งหมดเป็นต้น

แหล่งน้ำธรรมชาติอีกประเภทหนึ่งซึ่งให้น้ำสำหรับทำการชลประทานได้ คือ แหล่งน้ำใต้ผิวดินในท้องที่ซึ่งไม่มีแหล่งน้ำบนผิวดินนั้นมนุษย์รู้จักการนำน้ำจากแหล่งน้ำใต้ผิวดินขึ้นมาใช้ให้เป็นประโยชน์สำหรับการอุปโภคบริโภคและสำหรับใช้เพาะปลูกมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว

แหล่งน้ำใต้ผิวดิน

 

 

น้ำที่มีอยู่ใต้ผิวดินได้มาจากน้ำฝนที่ตกแล้วซึมผ่านลงไปสะสมอยู่ในช่องว่างของชั้นดิน ทรายและกรวดตลอดจนรอยแตกและโพรงของหินที่อยู่ใต้ผิวดินนั้นเมื่อขุดบ่อลงไปจน ถึงชั้นที่มีน้ำสะสมอยู่ เช่น ชั้นทรายและกรวดซึ่งน้ำไหลผ่านได้ดีเวลาใดที่นำน้ำขึ้นไปใช้ทำให้ระดับน้ำในบ่อลดลงก็จะมีน้ำไหลเข้ามาแทนที่อยู่เสมอบ่อน้ำที่ใช้สำหรับการชลประทานจะมีขนาดที่เหมาะสมอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับลักษณะของชั้นทรายหรือชั้นกรวดที่เป็นแหล่งสะสมน้ำและปริมาณน้ำที่ต้องการใช้งานเป็นหลักแต่โดยทั่วไปแล้วบ่อน้ำใต้ดินแห่งหนึ่ง ๆ จะช่วยพื้นที่เพาะปลูกได้ไม่มากนัก

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plookpedia
  • 15 Followers
  • Follow